ภาษีบัญชีเดียวนั้นเริ่มต้นมาจาก ในอดีตที่เจ้าของกิจการมักจะมีการหลบเลี่ยงภาษีด้วยการ เปิด บัญชีสำรองขึ้น เพื่อปกปิดรายได้ที่แท้จริง ทำให้ทางฝั่งของรัฐบาลก็มีความยากลำบากในการทำงานมากขึ้น ต้องมีการตรวจสอบบัญชีที่คุมเข้มมากขึ้น และในทางฝั่งของผู้ประกอบการเองก็ไม่สามารถขอกู้เงินในนามของบริษัทได้ เพราะมีเงินหมุนเวียนในบัญชีที่กระจัดกระจาย และไม่น่าเชื่อถือ ทำให้ไม่สามารถขยายกิจการ ซื้อที่ดินได้ หรือ การจัดการทรัพย์สินของกิจการเป็นเรื่องยุ่งยาก
ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงได้ออกมาตรการภาษีบัญชีเดียวขึ้น เพื่อแก้ปัญหาในการทำงานของฝั่งรัฐบาลและออกมาตรการที่ช่วยสนันสนุนธุรกิจ SME ให้สามารถเติบโตและขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้มากขึ้น
(นับตั้งแต่ ปี 2562 เป็นต้นไป ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้ธนาคารพิจารณาสินเชื่อจากธุรกรรมบัญชีชุดเดียวแก้คำผิดหน่อยจ้าต่อสรรพากรเท่านั้น)
ภาษีบัญชีเดียวนั้น เจ้าของกิจการที่มีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี และมีมูลค่าการจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท สามารถเข้าร่วมโครงการบัญชีชุดเดียว ได้ที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร คือ http://www.rd.go.th/
หรือ https://edss.sys.rd.go.th/sme/
เจ้าของกิจการต้องมีผู้ตรวจสอบบัญชี จัดทำ ตรวจสอบและปรับปรุง ให้เรียบร้อยโดยผ่านการตรวจสอบบัญชีจาก CPA กิจการต้องเก็บรักษาเอกสารทางบัญชีไว้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี เอกสารประกอบการจัดทำบัญชีชุดเดียวได้แก่
บัญชี 5 ประเภท คือ บัญชีรายวัน บัญชีแยกประเภท บัญชีสินค้า บัญชีอื่นๆ งบการเงิน ได้แก่ งบดุล งบกำไรขาดทุน งบแสดงการเปลี่นแปลส่วนของเจ้าของ และ งบกระแสกเงินสด หรือ งบการเงินรวมถ้ามี All Posts เอกสารหลักฐานในการลงบัญชี
หากเจ้าของกิจการมีข้อสงสัยและอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่
RD Call Center โทร 1611 หรือ โทร 022729695-7 หรือติดต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่ในจังหวัด
เพราะในปี 2562 เป็นต้นไป ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการประกาศให้ธนาคารพาณิชย์พิจารณาสินเชื่อเพื่อธุรกิจจากบัญชีชุดเดียวที่กิจการยื่นส่งต่อกรมสรรพากรเท่านั้น ซึ่งธนาคารจะพิจารณาจากรายได้และงบประมาณที่จัดทำย้อนหลัง 3 ปี หมายความว่า ยิ่งเจ้าของกิจการนั้นสามารถเริ่มต้นจดทะเบียนบริษัทได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งได้ประโยชน์และมีสิทธิ์ที่จะได้รับการพิจารณาสินเชื่อจากธนาคารมากเท่านั้น
นอกจากนี้การจัดทำบัญชีชุดเดียวนั้นก็ยังมีประโยชน์ในด้านความสะดวกสบายในการปรับปรุงบัญชี มีระบบบัญชีที่ดี ข้อมูลถูกต้องและครบถ้วน ทำให้เจ้าของธุรกิจนั้นสามารถวิเคราะห์แผนธุรกิจและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อสู้กับคู่แข่งได้ทันที การยื่นเอกสารและหลักฐานกับธนาคารนั้นเป็นไปได้ง่ายขึ้น ธุรกิจมีงบการเงินที่น่าเชื่อถือ มีโอกาสได้เพิ่มวงเงินในการขอสินเชื่อได้มากขึ้น รวมถึงมีโอกาสได้รับการสนัสนุนนโยบายจากภาครัฐเพิ่มเติมอีกด้วย
ที่มา: peerpower