ไขปมธุรกิจ SMEs เหตุใดจึงเข้าไม่ถึงมาตรการ "ซอฟท์โลน" หรือการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากแบงก์ชาติ ทั้งที่มาตรการนี้เข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีโดยตรง โดยเฉพาะช่วงวิกฤติโควิด-19
ซอฟท์โลน (Soft Loan) หรือการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ผ่านธนาคารพาณิชย์ เป็นหนึ่งในมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม หรือเอสเอ็มอี (SMEs) ที่แบงก์ชาติประกาศออกมาตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นับจนถึงวันที่ 13 ก.ค. ธนาคารพาณิชย์อนุมัติสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีไปเพียง 103,750 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1 ใน 5 ของวงเงินทั้งหมด และมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพียงแค่ 63,342 รายเท่านั้น ที่ได้รับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
นั่นหมายความว่า จะมีเอสเอ็มอีที่สามารถขอซอฟท์โลนได้แค่ประมาณ 520,000 ราย หรือเท่ากับ 17% ของเอสเอ็มอีทั้งหมด เนื่องจากเอสเอ็มอีจำนวน 520,000 รายนี้ เป็นผู้มีสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์อยู่ก่อนแล้ว แต่ในจำนวนดังกล่าวก็มีเอสเอ็มอีได้รับสินเชื่อซอฟท์โลนเพียงแค่ 12%
ขณะที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอีกกว่า 83% หรือประมาณ 2,480,000 ราย ที่ไม่เคยมีหรือไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ได้ตั้งแต่ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยิ่งไม่มีสิทธิเข้าถึงสินเชื่อซอฟท์โลนเลย
จากผลการสำรวจที่สภาเอสเอ็มอีได้ทำการสำรวจความต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พบว่า
แต่ปัญหาของมาตรการการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวนมากร้องเรียนว่าเข้าไม่ถึงสินเชื่อดังกล่าว เพราะสินเชื่อนี้ปล่อยผ่านธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเน้นดูแลลูกหนี้ของตัวเอง และเรียงลำดับดูแลลูกหนี้ชั้นดีก่อน และแบงก์ชาติกำหนดว่าเอสเอ็มอีที่ไม่ได้เป็นลูกหนี้เดิมของสถาบันการเงินจะขอซอฟท์โลนแบงก์ชาตินั้น ไม่สามารถขอได้ เนื่องจากซอฟท์โลนแบงก์ชาติกำหนดให้เฉพาะลูกหนี้เดิมของสถาบันการเงิน เพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาคุณสมบัติลูกหนี้ และเพื่อการบริหารความเสี่ยงเรื่องหนี้เสียของสถาบันการเงิน
ที่มา : www.bangkokbiznews.com