<Digital Transformation คืออะไร ทำไมต้องทำ ทำแล้วได้อะไร
คำนิยามทั่วไปของ Digital Transformation (ต่อไปนี้ขอเรียกว่า DT) หมายถึงการที่เรานำ Digital Technology เข้ามาปรับใช้กับทุกส่วนของธุรกิจเป็นผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระดับรากฐาน กระบวนการทำงาน จนถึงระบวนการส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้า และมากกว่านั้นอาจถึงขั้นเป็นการเปลี่ยนวัฒนธรรมขององค์กรให้สามารถท้าทายกับสิ่งเดิมๆ กล้าลองผิดลองถูกมากขึ้น และไม่กลัวความล้มเหลว
ถึงชื่อจะบอกว่า Digital แต่จริงๆ แล้ว DT นั้นเกี่ยวข้องกับ “คน” เป็นหลัก เพราะถ้าคนไม่ยอมเปลี่ยน จะมีเทคโนโลยีที่ดีแค่ไหนก็คงไม่มีประโยชน์ ซึ่งแต่ละองค์กรก็มีระดับความ “ดุดัน” ในการเปลี่ยนที่แตกต่างกันไป องค์กรที่ดุดันหน่อยก็อาจจะทำการลดคน ลดจำนวนสาขา องค์กรที่ดุดันน้อยหน่อยก็จะค่อยๆ รอให้คนเปลี่ยนตาม ทั้งนี้และทั้งนั้น การที่จะทำให้คนเปลี่ยน ต้องจูนความเข้าใจเสียก่อนว่า
แน่นอนการเปลี่ยนแปลงระดับนี้ไม่ได้ทำกันง่ายๆ โดยเฉพาะองค์กรที่มีขนาดใหญ่ เพราะขนาดองค์กรที่มีขนาดเล็ก ยังเป็นไปได้ยากเลยถ้าวัฒนธรรมองค์กรนั้นไม่ได้เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ถ้าอย่างนั้นแล้ว สิ่งที่เป็นสัญญาณที่ดีในกระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้มีอะไรบ้าง
Digital Transformation in Action
Credit: Cognizant
โดยทั่วไปการทำ Digital Transformation จะแบ่งออกเป็นหมวดใหญ่ๆ 3 หมวด คือ
Digitize Marketing
เป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยยกระดับการให้บริการลูกค้า ที่เห็นได้ชัดคือ การทำการตลาดที่เน้นประสบการณ์ดิจิทัล การสร้างช่องทางใหม่ๆ ในการสื่อสารและส่งมอบผลิตภัณฑ์ รวมถึงการเก็บ Insight ของลูกค้าเพื่อปรับปรุงการให้บริการ ตัวอย่างเช่น การทำโปรโมชั่นบนออนไลน์เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าหันมาซื้อผลิตภัณฑ์ในช่องทางออนไลน์ และยังช่วยลดต้นทุนในการเปิดสาขาได้อีก เป็นต้น
Digitize Business
เป็นการปรับรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ส่งมอบไปยังลูกค้าให้มีความหลากหลาย เชื่อมโยง และสามารถปรับการบริการให้เข้ากับความต้องการใหม่ๆ ของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ฉับไว ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์หรือให้บริการในรูปแบบใหม่ด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายและชัดคือ การปรับตัวของ Microsoft และ Adobe ซึ่งเมื่อก่อนจะเป็นการขายแบบซื้อขาด แต่เมื่อเทคโนโลยี Cloud เข้ามา จึงทำให้ทั้งสองเจ้านี้สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เป็นรูปแบบการจ่ายเงินรายเดือนแทน และพ่วงกับบริการ sync ไฟล์และทำงานในทุกอุปกรณ์อีกด้วย
Digitize Operations
มีการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการติดต่อประสานงานภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น เช่น การประยุกต์ใช้ Project Management Software เพื่อลดความเสียเวลาและความไม่มีประสิทธิภาพของการส่งอีเมลไปมา อีกทั้งยังช่วยติดตามสถานะของ Project ได้อย่างเป็นระบบอีกด้วย ลดขั้นตอนที่ไม่เกิด Productivity อัปเดตข้อมูลอย่างรวดเร็วสามารถ ทำงานได้จากทุกที่ ทำให้องค์กรมีความไวในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากโลกภายนอก
ในศาสตร์ของ DT นั้นมีหลายสำนัก หลายค่าย แต่เนื้อแท้แล้วเหมือนกันคือ เน้นไปที่การยกระดับคน และกระบวนการทำงาน ให้สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลง รวมถึงช่วยตอบโจทย์ธุรกิจใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น