ปัจจุบันธุรกิจสตาร์ทอัพ ไทยมีความน่าสนใจและเตะตานักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ นับเป็นช่วงที่โอกาสอยู่ไม่ไกลเหมือนในอดีต แถมช่วงนี้มีนักลงทุนรายย่อยกลุ่มหนึ่งที่ให้การสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธุรกิจสตาร์ทอัพหน้าใหม่ให้สามารถสานฝันต่อได้ โดยนักลงทุนกลุ่มนี้มีความกล้าที่จะควักเงินส่วนตัวเพื่อลงทุนในธุรกิจ สตาร์ทอัพ ซึ่งเรียกนักลงทุนกลุ่มนี้ว่า Angel Investor ซึ่งอยู่ในรูปของบุคคลธรรมดาที่เปรียบเสมือน ‘นางฟ้า’ของสตาร์ทอัพ
แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่ทราบหรือไม่ว่า Angel Investor ที่ลงทุนสตาร์ทอัพสามารถลดหย่อนภาษีได้ปีละแสน !!!
ทั้งนี้จากระเบียบของกรมสรรพากร ที่กำหนดให้ Angel Investor หรือกลุ่มนักลงทุนรายอิสระที่ใช้เงินส่วนตัวในการลงทุน ที่ลงทุนในหุ้นสตาร์ทอัพ สามารถลดหย่อนภาษีสูงสุด 1 แสนบาท/ปี ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 337 (พ.ศ.2561) โดยจะต้องเป็นไปตาม เงื่อนไข ดังนี้
1.ลงทุนในหุ้นเพื่อจัดตั้งหรือเพิ่มทุนในสตาร์ทอัพ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2561 ถึง 31 ธันวาคม 2562
2.ถือหุ้นที่ลงทุนนั้นไว้ไม่น้อยกว่า 2 ปีต่อเนื่องกันนับแต่วันที่ลงทุน
3.ลงทุนในหุ้นสตาร์ทอัพ ที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่มีคุณสมบัติดังนี้
- จดทะเบียนจัดตั้งตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2558 ถึง 31 ธันวาคม 2562
- มีทุนชําระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จาการขายสินค้าไม่เกิน 30 ล้านบาท
โดยเงือนไขต้องประกอบอุตสาหกรรม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่ได้รับรองจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)ได้แก่
- อาหารและการเกษตร
- ประหยัดพลังงาน ผลิตพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาด
- ฐานเทคโนโลยี ชีวภาพ
- การแพทย์และสาธารณสุข
- การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์
- วัสดุก้าวหน้า
- สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องประดับ
- ยานยนต์และชิ้นส่วน
- อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และบริการสารสนเทศ
- ฐานการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมหรืออุตสาหกรรมใหม่
4.มีรายได้จากอุตสาหกรรมเป้าหมายหรือรายได้เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ไม่น้อยกว่า 80% ของรายได้ทั้งหมด
ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพก็ได้ลดด้วย
สำหรับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ก็ได้รับการลดหย่อนภาษีเช่นกัน จากนโยบายของรัฐฯเพื่อสนับสนุนโอกาสในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี จากกรมสรรพากร มีขั้นตอนดังนี้
สิทธิประโยชน์ทางภาษีสําหรับสตาร์ทอัพ มีผลใช้บังคับมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 เป็นต้นมา โดยยกเว้นภาษี เงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 5 รอบระยะเวลาบัญชีให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งตามเงื่อนไข เวลาที่กฎหมายกําหนด
ต้องมีทุนจดทะเบียนชําระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท บริษัทฯ ต้องประกอบกิจการ ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ผ่านการรับรองจาก สวทช. โดยสามารถยื่นคําร้องขออนุมัติสิทธิประโยชน์ทางภาษี กับกรมสรรพากรได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562
เรื่องเงินๆ ทองๆ และภาษี เป็นสิ่งที่สตาร์ทอัพไม่ควรพลาด
อ้างอิง : กรมสรรพากร