First In First Out หรือที่เราเรียกกันว่า FIFO มักเป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญในการจัดการข้อมูลวัตถุดิบหรือสินค้าคงคลังที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ เช่น ผู้ผลิตสินค้า ร้านค้าปลีก หรือโรงงานผลิต เป็นต้น
การใช้หลักการของ FIFO เป็นวิธีการจัดการวัตถุดิบหรือสินค้าคงคลังที่ใช้หลักการว่ารายการวัตถุดิบหรือสินค้าที่เข้ามาก่อนสุดจะถูกเบิกใช้ก่อน กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ สิ่งที่เข้ามาก่อนจะถูกนำไปใช้งานก่อน การใช้หลักการของ FIFO ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการวัตถุดิบหรือสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพและลดความสูญเสียจากการหมดอายุของวัตถุดิบหรือสินค้าได้
การใช้หลักการของ FIFO ทำให้มีข้อได้เปรียบดังนี้
• ลดการสูญเสียสินค้า คือ การเบิกใช้วัตถุดิบหรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานได้ถูกนำมาใช้ตามลำดับที่เข้ามาก่อน ซึ่งจะช่วยให้วัตถุดิบหรือสินค้ามีความสดใหม่เสมอ และยังช่วยลดการสูญเสียวัตถุดิบหรือสินค้าที่มีมูลค่าสูงหรือมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา
• ควบคุมสต็อกให้มีคุณภาพ คือ วัตถุดิบหรือสินค้าที่เข้ามาล่าสุดมักมีคุณภาพที่ดีกว่า ดังนั้นการใช้หลักการของ FIFO ช่วยให้วัตถุดิบหรือสินค้าที่เข้ามาก่อนหน้าถูกใช้งานไปก่อน เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของวัตถุดิบหรือสินค้า
• เพิ่มความน่าเชื่อถือในการขาย คือ การใช้หลักการของ FIFO ช่วยให้วัตถุดิบหรือสินค้าที่ขายไปมีคุณภาพและอายุการใช้งานที่สมบูรณ์ ซึ่งสร้างความพึงพอใจในลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการขายวัตถุดิบหรือสินค้าต่อไป
• ลดความซับซ้อนในการบริหารจัดการ คือ การใช้หลักการของ FIFO เป็นระบบที่ง่ายต่อการใช้งาน และบริหารจัดการสต็อก เนื่องจากการใช้หลักการของ FIFO จะมุ่งเน้นที่การเรียงลำดับวัตถุดิบหรือสินค้าตามลำดับที่เข้ามาก่อน ช่วยให้การจัดการวัตถุดิบหรือสินค้าคงคลังมีความโปร่งใส ทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบ
• ช่วยในการวางแผนการสั่งซื้อ คือ การเข้าใจแนวโน้มการขายวัตถุดิบหรือสินค้าที่ใช้หลักการของ FIFO ช่วยในการวางแผนสั่งซื้อวัตถุดิบหรือสินค้าให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด ช่วยให้ธุรกิจสามารถคำนวณต้นทุนของวัตถุดิบหรือสินค้าอย่างถูกต้อง
• เพิ่มประสิทธิภาพทางการเงิน คือ การลดความสูญเสียวัตถุดิบหรือสินค้าและการควบคุมสต็อกที่ดี ทำให้ธุรกิจมีโอกาสในการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำไรได้มากขึ้น
การใช้หลักการของ FIFO (First In, First Out) มีข้อจำกัดที่สำคัญได้แก่
• ไม่เหมาะกับบางรูปแบบของธุรกิจ คือ ธุรกิจที่มีการผลิตวัตถุดิบหรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานในระยะสั้น หรือที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาวัตถุดิบหรือสินค้าอย่างสม่ำเสมอ หรือวัตถุดิบหรือสินค้าที่มีการแบ่งจำหน่าย เช่น ข้าวสารที่ถูกบรรจุในถุงขนาดต่างๆ หรืออาหารสำเร็จรูปที่มีชนิดต่างๆ การใช้หลักการของ FIFO อาจไม่สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในธุรกิจนี้ได้
• มีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บที่สูง คือ การใช้หลักการของ FIFO มักจะต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาวัตถุดิบหรือสินค้า เช่น ค่าเช่าคลังจัดเก็บสินค้า หรือค่าประกันสินค้า ซึ่งอาจทำให้สูญเสียเงินในการเก็บรักษาวัตถุดิบหรือสินค้าที่มีคุณค่าน้อย
• ไม่เหมาะกับสินค้าที่มีอายุสำคัญ คือ ในธุรกิจที่มีการควบคุมคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุด เช่น อุตสาหกรรมเภสัชกรรม อุตสาหกรรมอาหาร หรือวัตถุดิบที่เสื่อมสภาพเร็ว เป็นต้น
เขียนและเรียบเรียงโดย : บริษัท โปรซอฟท์ ซีอาร์เอ็ม จำกัด | 09 พฤษภาคม 2567