ตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Note หรือ P/N) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หมวด 3 ตั๋วสัญญาใช้เงินมาตรา 982 คือ หนังสือตราสารทางการเงิน ซึ่งบุคคลหนึ่ง เรียกว่า “ผู้ออกตั๋ว” ให้คำมั่นสัญญาว่าจะชำระเงินจำนวนหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรือใช้ให้ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า “ผู้รับเงิน” โดยมีการกำหนดวันครบกำหนดการชำระเงินและเงื่อนไขอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
โดยส่วนใหญ่ตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นเอกสารสัญญาที่ใช้ในระบบการเงินที่มีมูลค่าสูง โดยเฉพาะในการทำธุรกิจ เพื่อยืนยันหนี้สินและการจ่ายชำระเงินในอนาคต มักมีระยะเวลาสัญญาไม่เกิน 1 ปี อีกทั้งยังเป็นเอกสารที่สามารถใช้เป็นหลักประกันในกรณีที่มีข้อพิพาทเกี่ยวกับหนี้สิน การใช้ตั๋วสัญญาใช้เงินสามารถช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในประเทศและระดับสากล
องค์ประกอบสำคัญของตั๋วสัญญาใช้เงิน
ตั๋วสัญญาใช้เงินต้องมีองค์ประกอบที่ครบถ้วนเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและเป็นที่ยอมรับในวงการธุรกิจและการเงิน โดยทั่วไป ตั๋วสัญญาใช้เงินจะต้องมีรายละเอียดสำคัญดังต่อไปนี้
• ข้อความที่ระบุว่าเป็น "ตั๋วสัญญาใช้เงิน" เพื่อให้ชัดเจนว่านี่เป็นเอกสารสัญญาที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
• คำมั่นสัญญาที่แน่นอนในการชำระเงิน ผู้ออกตั๋วต้องแสดงเจตนาที่แน่ชัดว่าจะจ่ายเงินตามเงื่อนไขที่ระบุไว้
• จำนวนเงินที่ต้องชำระ ต้องระบุเป็นตัวเลขและตัวอักษรเพื่อป้องกันการปลอมแปลงหรือแก้ไขภายหลัง
• ชื่อของผู้รับเงินหรือผู้ถือครองตั๋ว ระบุบุคคลหรือหน่วยงานที่มีสิทธิ์ได้รับเงิน
• วันที่และสถานที่ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการตรวจสอบเอกสารและความน่าเชื่อถือของตั๋ว
• วันครบกำหนดการชำระเงิน หากไม่มีการระบุ วันครบกำหนดจะถือเป็น "เมื่อต้องการชำระ" ซึ่งหมายความว่าผู้ถือครองสามารถเรียกเก็บเงินได้ทันทีเมื่อมีความต้องการ
• ลายมือชื่อของผู้ออกตั๋ว เป็นการรับรองว่าผู้ออกตั๋วยินดีปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในตั๋ว
ประเภทของตั๋วสัญญาใช้เงิน
ตั๋วสัญญาใช้เงินมีหลายประเภทที่สามารถนำมาใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ของแต่ละธุรกรรม โดยแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ดังนี้
• ตั๋วสัญญาใช้เงินแบบมีวันครบกำหนดแน่นอน ระบุวันที่ที่ต้องชำระเงินอย่างชัดเจน ซึ่งช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถวางแผนการเงินได้ล่วงหน้า
• ตั๋วสัญญาใช้เงินแบบชำระเมื่อเรียกร้อง ไม่มีการกำหนดวันครบกำหนดแน่นอน ผู้ถือครองสามารถเรียกเก็บเงินได้เมื่อเห็นสมควร
• ตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีดอกเบี้ย กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายควบคู่กับเงินต้น ซึ่งเป็นที่นิยมในการปล่อยสินเชื่อระหว่างบุคคลหรือธุรกิจ
• ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ไม่มีดอกเบี้ย ระบุเฉพาะจำนวนเงินต้นที่ต้องชำระ โดยไม่มีดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งมักใช้ในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสัญญาทางสังคมหรือภาครัฐ
ประโยชน์ของตั๋วสัญญาใช้เงิน
• เป็นหลักฐานทางกฎหมายที่ช่วยยืนยันข้อตกลงเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน
• เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถระดมทุนได้โดยไม่ต้องพึ่งพาธนาคาร
• สามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันสินเชื่อ
• ช่วยลดความเสี่ยงในการเรียกเก็บหนี้ เนื่องจากเป็นเอกสารทางการเงินที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
• สามารถใช้เป็นเอกสารในการฟ้องร้องหากมีการผิดนัดชำระหนี้
• สามารถโอนสิทธิ์ให้บุคคลอื่นได้ในบางกรณี ซึ่งช่วยให้มีความยืดหยุ่นในการใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน
ความแตกต่างระหว่างตั๋วสัญญาใช้เงินกับตราสารทางการเงินอื่นๆ
• ตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange) เป็นคำสั่งให้บุคคลที่สามจ่ายเงินให้แก่ผู้รับเงิน แตกต่างจากตั๋วสัญญาใช้เงินที่เป็นคำมั่นสัญญาการจ่ายเงินโดยตรงจากผู้ออกตั๋ว
• เช็ค (Cheque) เป็นคำสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินจากบัญชีของผู้ออกเช็คไปยังผู้รับเงิน ขณะที่ตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นข้อตกลงโดยตรงระหว่างคู่สัญญาโดยไม่ต้องผ่านธนาคาร
ข้อควรระวังในการใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน
• ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในตั๋วสัญญาใช้เงินก่อนเซ็นรับ
• คำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตั๋ว
• หากตั๋วสัญญาใช้เงินมีดอกเบี้ย ต้องแน่ใจว่าอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
• ควรกำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้และแนวทางการดำเนินการหากเกิดปัญหา
• หากเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่สามารถโอนได้ ต้องตรวจสอบเงื่อนไขการโอนสิทธิ์ให้ชัดเจน
ตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นตราสารทางการเงินที่มีบทบาทสำคัญในการทำธุรกรรมทางการเงินและธุรกิจ ช่วยให้การกู้ยืมและการซื้อขายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคงทางกฎหมาย การทำความเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบ ประเภท และข้อควรระวังในการใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน จะช่วยให้บุคคลและธุรกิจสามารถใช้เครื่องมือนี้ได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และลดความเสี่ยงในการทำธุรกรรมทางการเงิน
เขียนและเรียบเรียงโดย : บริษัท โปรซอฟท์ ซีอาร์เอ็ม จำกัด | 07 เมษายน 2568