<หัวใจของเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยน "เชียงใหม่"
cloud computing มีผลกับเชียงใหม่ ทำให้ระยะทางไม่เป็นอุปสรรคในการทำงานดิจิทัล เพราะอยู่ที่ไหนก็สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันได้...กรุงเทพ-เชียงใหม่หรือต่างประเทศ ไม่มีผลใดๆทั้งสิ้น ระยะทางไม่เป็นอุปสรรค รถไฟความเร็วสูงไม่ได้ช่วยอะไรกับดิจิทัล...
ขณะนี้เชียงใหม่มีบริษัท "ProSoft" ที่ทำด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีพนักงาน 137 คน ขณะที่สำนักงานที่กรุงเทพ เหลือ 48 คน ทำไอทีวัลเลย์ที่เชียงใหม่ การให้บริการต่าง ๆ กับลูกค้าสามารถทำผ่านอินเทอร์เน็ต มีลูกค้าที่นครย่างกุ้งและเมืองบังกาลอร์ ก็ใช้ cloud computing ได้อย่างสะดวก ไม่ต้องส่งคนไป ส่งไปเฉพาะข้อมูล โดยใช้เวลาเท่ากัน
"พนักงานก็มีความสุข ไม่จำเป็นต้องอยู่กรุงเทพ อยู่ที่เชียงใหม่มีคุณภาพชีวิตที่ดี อากาศดี ต้นทุนไม่เเพง สามารถยืดหยุ่นได้ ไม่ต้องซื้อคอมพิวเตอร์ ใช้วิธีเช่า ถึงเวลาจะขยายไปเช่าบนคลาวด์ มีคนไอทีดูเเลให้"
เทคโนโลยีอีกอย่างคือ “big data” ข้อมูลต่าง ๆ ในโลกปัจจุบัน กลายมาเป็นข้อมูลดิจิทัลเกือบหมดแล้ว เมื่อใช้ร่วมกับอินเทอร์เน็ตจะ มีลักษณะที่สำคัญคือ การส่งข้อมูล "เกือบฟรี" การทำ copy ข้อมูลแทบไม่มีต้นทุน การส่งข้อมูลทำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งลักษณะดังกล่าวมีผลต่อเชียงใหม่ในอนาคตเป็นอย่างมาก
"อุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ ของไทย ไปอยู่แถวอีสเทิร์นซีบอร์ด ส่วนหนึ่งเพราะต้องการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์เพราะอยู่ใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง แต่ในยุคดิจิทัล การส่งข้อมูลดิจิทัลแบบ big data นั้นเป็นการส่งผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งระยะทางไม่มีความหมาย ถ้าพื้นที่นั้นเชื่อมโยงด้วยโครงข่ายอินเทอร์เน็ต ดังนั้น เชียงใหม่ไม่ได้เสียเปรียบกรุงเทพ หรือที่ไหนในโลก"
“ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ บรรยายพิเศษ หัวข้อ “เตือนคุณล่วงหน้า พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง” ในงานสัมมนา “เชียงใหม่ 2018 จุดเปลี่ยน…ประตูสู่โอกาส”
Credit : PrachachatOnline