รูปแบบของการประกอบธุรกิจ
ในการประกอบธุรกิจทุกรูปแบบกิจการจะต้องมีการจัดทำบัญชีเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและเอกสารต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกิจการ และจัดทำบันทึกรายการที่เกิดขึ้น เพื่อจะทำให้ทราบผลดำเนินงานและฐานะการเงินของกิจการ ดังนั้นในการประกอบธุรกิจสามารถแบ่งตามลักษณะการจัดตั้งและผู้เริ่มก่อตั้งได้ 4 รูปแบบ ดังนี้
1. กิจการเจ้าของคนเดียว (Single Proprietorship)
หมายถึง กิจการขนาดเล็กที่มีผู้เริ่มต้นก่อตั้งเพียงบุคคลเดียว ลงทุนเพียงคนเดียว มีอำนาจในการบริหารงาน การจัดการ การดำเนินงานทั้งหมดซึ่งเจ้าของจะมีหน้าที่รับผิดชอบในหนี้สินของกิจการร้านค้าที่เกิดขึ้นแบบไม่จำกัดจำนวน โดยเจ้าของสามารถจ้างพนักงานมาช่วยงานในกิจการได้ เช่น ร้านเสริมสวย ร้านขายของชำ ร้านอาหาร ร้านซักอบรีด ร้านซ่อมรถ เป็นต้น
2. ห้างหุ้นส่วน (Partnership)
หมายเหตุ กิจการที่มีผู้เริ่มก่อตั้งและร่วมลงทุนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป มีการกำหนดข้อตกลงและเงื่อนไขในการลงทุนและการแบ่งผลกำไรไว้อย่างชัดเจน ผู้เป็นหุ้นส่วนจะช่วยกันทำงานหรือแต่งตั้งบุคคลใด บุคคลหนึ่งเป็นผู้บริหารงานก็ได้ ตามหลักกฎหมายได้แบ่ง ห้างหุ้นส่วนออกเป็น 2 ประเภท คือ
1) ห้างหุ้นส่วนสามัญ หมายถึง ผู้เป็นหุ้นส่วนจะต้องร่วมกันรับผิดชอบหนี้สินของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดแบบไม่จำกัดจำนวน ห้างหุ้นส่วนที่จะจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนจัดตั้งก็ได้ แต่ถ้าจดทะเบียนจะมีฐานะเป็นนิติบุคคลและจะต้องมีคำว่า “นิติบุคคล” ต่อท้ายชื่อของห้างหุ้นส่วน
2) ห้างหุ้นส่วนจำกัด หมายถึง ผู้เป็นหุ้นส่วนจำกัดจะมี 2 ประเภท คือ หุ้นส่วนที่จำกัดความรับผิดชอบกับหุ้นส่วนที่ไม่จำกัดความรับผิดชอบ ซึ่งทุกห้างหุ้นส่วนจำกัดกฎหมายกำหนดไว้ว่าจะต้องมีผู้เป็นหุ้นส่วนที่ผู้รับผิดชอบแบบไม่จำกัดความรับผิดชอบอย่างน้อย 1 คน ห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องจดทะเบียนจัดตั้งมีฐานะเป็นนิติบุคคล
3. บริษัทจำกัด (Company)
ตามกฎหมายแล้วบริษัทจำกัดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1) บริษัทเอกชน จำกัด (Corporation) บริษัทจำกัดจัดตั้งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1097 ได้บัญญัติไว้ว่า การจัดตั้งบริษัทเอกชนจำกัด ต้องมีผู้จัดต้องอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป ร่วมกันจดหนังสือบริคณห์สนธิและนำไปจดทะเบียน เมื่อมีผู้ซื้อหุ้นครบแล้วจึงจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท บุคคลทั่วไปไม่สามารถซื้อหุ้นของบริษัทเหล่านี้ได้ ซึ่งมีลักษณะที่สำคัญ ได้แก่ หุ้นต้องมีมูลค่าอย่างต่ำหุ้นละ 5 บาท การชำระมูลค่าหุ้นครั้งแรกต้องไม่ต่ำกว่า 25% และผู้ถือหุ้นรับผิดชอบเพียงแค่มูลค่าหุ้นที่ตนถืออยู่เท่านั้น
2) บริษัทมหาชน จำกัด (Public Corporation) บริษัทจำกัดที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชน จำกัด พ.ศ. 2535 กำหนดว่าการจัดตั้งบริษัทมหาชน จำกัด ต้องมีผู้จัดตั้งอย่างน้อย 15 คนขึ้นไป ต้องจองหุ้นรวมกันอย่างน้อยร้อยละ 5 ของหุ้นที่จดทะเบียน แต่ละคนถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 10 หุ้นของบริษัทมหาชนมีลักษณะที่ตั้งใจจะขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป โดยผู้ที่ซื้อหุ้นไปจะมีสภาพความเป็นเจ้าของซึ่งจะจำกัดความรับผิดชอบตามมูลค่าหุ้นที่ต้องชำระเท่านั้น
4. รัฐวิสาหกิจ (State Enterprise)
เป็นหน่วยงานที่รัฐบาลเป็นเจ้าของทั้งหมด หรือรัฐบาลร่วมลงทุนเกินกว่า 50% โดยจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ พ.ศ. 2502 มาตรา 13 เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย ท่าเรือแห่งประเทศไทย สถาบันการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคมคอยดูแล การไฟฟ้าการผลิตแห่งประเทศไทย กระทรวงพลังงานคอยดูแล การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กระทรวงมหาดไทยคอยดูแล
การแบ่งประเภทของธุรกิจในทางบัญชีและการจัดทำบัญชีมี 3 ประเภท คือ
1. ธุรกิจให้บริการ (Service firm)
คือ ธุรกิจที่จัดทำขึ้นมาเพื่อจะให้บริการในด้านต่างๆ แก่ลูกค้าโดยไม่มีการนำสินค้าเข้ามาเกี่ยวข้องในการดำเนินงาน เช่น โรงแรมให้บริการห้องพัก ร้านซ่อมรถ ร้านซักอบรีด ร้านเสริมสวย ร้านบริการอินเตอร์เน็ต และบริษัทให้บริการขนส่งสินค้า เป็นต้น
2. ธุรกิจซื้อขายสินค้า (Merchandising firm)
คือ การนำสินค้าจำหน่าย หรือทำให้เกิดการแลกเปลี่ยน มีสินค้าเข้ามาเกี่ยวข้องในการดำเนินงาน เป็นธุรกิจที่ซื้อสินค้ามาจากกิจการอื่นนำมาขายให้แก่ผู้บริโภคหรือผู้ขายก็ได้ โดยซื้อมาแบบใดขายไปแบบนั้นไม่มีการแปรสภาพของสินค้า เช่น ห้างสรรสินค้า บริษัทตัวแทนจำหน่ายสินค้า ร้านขายของชำ ร้านสะดวกซื้อ
3. ธุรกิจอุตสาหกรรม (Manufacturing firm)
คือ ธุรกิจที่ทำการแปรสภาพวัตถุดิบ ให้เป็นสินค้าสำเร็จรูป บางธุรกิจผลิตสินค้าขึ้นมาเองแล้วนำสินค้านั้นออกจำหน่ายด้วยตัวเอง บางธุรกิจผลิตขึ้นมาแล้วส่งให้ผู้อื่นขาย เช่น บริษัทในเครือซีพี บริษัทในเครือสหพัฒนพิบูลย์ บริษัทผลิตรถยนต์
ขอขอบคุณที่มาของบทความ : มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี